ระบบภูมิคุ้มกัน จะทำหน้าที่ในการทำลายเชื้อโรค แบคทีเรีย เซลล์มะเร็ง รวมไปจนถึงสารแปลกปลอม ที่มาจากภายนอก ไม่ให้เข้ามาทำอันตรายร่างกาย ในวัยหนุ่มสาว เรามีแนวโน้มที่จะไม่ค่อยป่วย เมื่อใดที่ป่วย อาการป่วยก็จะหายได้รวดเร็ว เพียงแค่นอนพักผ่อนให้เต็มที่ กินยาให้ตรงตามเวลา อาการก็จะดีขึ้น
แต่สำหรับผู้ที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเลยเลย 4 ขึ้นไปแล้ว จะมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น และระยะเวลาที่ป่วย ก็นานขึ้นด้วย นั่นเก็เป็นเพราะว่า เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้น ภูมิคุ้มกันโรค ก็ทำงานได้น้อยลง ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วย และมีอาการรุนแรงกว่าวัยหนุ่มสาว
แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะค่อยๆเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อย จนคนส่วนใหญ่ไม่ทันสังเกตุ กระทั้งร่างกายมีการติดเชื้อที่บ่อยขึ้น ร่างกายใช้เวลานานในการจัดการกับเชื่อโรคดังกล่าว และเมื่อเจ็บป่วยแล้ว อาการก็จะรุนแรงกว่าที่เคยเป็น
โรคบางอย่าง เมื่อเป็นตอนวัยหนุ่มสาว เช่น วัณโรค อาการของโรคจะไม่แสดงออก เนื่องจากถูกระบบภูมิคุ้มกันกดเอาไว้ จนกระทั่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง โรคดังกล่าวจึงกำเริบ และมีอาการรุนแรงขึ้น จนสังเหตุเห็นได้ชัด
เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง ระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่สามารถจำแนกความแตกต่าง ระหว่างเซลล์ของร่างกายออกจากเชื่้อโรคที่ติดมา จนทำให้เกิดอาการผิดปกติที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ของร่างกายเสียเอง โดยสำคัญผิดว่าเซลล์ดังกล่าวเป็นเซลล์ของเชื้อโรค
นอกจากนั้น ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุลดลง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเชื้อโรคแบคทีเรีย รวมไปถึงสารแปลกปลอมที่เข้ามาบุกรุกร่างกายได้ยากขึ้นด้วยเช่นกัน นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่คนสูงอายุมีโอกาสเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม บ่อยกว่าคนในวัยหนุ่มสาว
